กรุงออสโล เขาคือราชาแห่งเมืองยุโรป

กรุงออสโล เขาคือราชาแห่งเมืองยุโรป
Text By เนตรนภา แก้วแสงธรรม

เราเดินทางด้วยสายการบินโลว์คอร์สนอร์วีเจียน แอร์ไลน์ จองล่วงหน้า ราคาโปรโมช้่น ไปกลับเหลือแค่คนละ 17,000 บาท

และพบว่า บริการ การตรงต่อเวลา และเทคโนโลยีต่างๆ เราต่างรู้สึกพึงพอใจ ไม่มีหมอน หรือผ้าห่ม หูฟังก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างซื้อได้ที่หน้าจอแบบสัมผัส ในราคาไม่แพง เช่น หูฟัง ราคา 3 ดอลลาร์ และเราสามารถเอากลับบ้านได้ด้วย

อาหารยิ่งดีใหญ่ ราคานี้ เราจ่ายค่าอาหารไว้แล้ว เสิร์ฟเป็นสปาเก็ตตี้ หรือข้าวแกงเขียวหวาน ได้น้ำดื่ม 1 ดริ้งค์ และถ้าจะเอาเพิ่ม ต้องจ่ายเอง


การเดินทางจากประเทศไทย เริ่มเวลา 9.00 น. เป็นการบินเวลากลางวัน และไปถึงกรุงออสโล เวลา 16.00 น. รวมเวลาบิน 12 ชม. เต็ม

รู้สึกเมื่อย และเหนื่อยล้า แต่ก็ได้เห็นวิวนอกหน้าต่างมาตลอดทาง ทั้งมหาสมุทรอินเดีย ที่ช่วงผ่าน จะเกิดแรงสั่นสะเทือนมากสุด ผ่านทะเลดำ ผ่านตุรกี ผ่านยุโรปทั้งทวีป และผ่านมหาสมุทรที่คั่นระหว่างนอร์เวย์ และไอซ์แลนด์

วิวช่วงก่อนถึงนอร์เวย์ เป็นเหมือนกลุ่มภูเขาลาวา ที่ปลายปล่องเป็นหิมะติดต่อกันเป็นชุด สร้างความฮือฮาให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย 2-3 กลุ่ม ที่นั่งด้านหน้าลำ กันได้ดี พากันส่งเสียงตักเตือนกันให้ชะโงกดูวิว และบันทึกภาพ

จนมาถึงช่วงใกล้แลนด์ดิ้ง ภาพทุ่งใหญ่ และต้นไม้เปลี่ยนสี ก็อวดโฉมให้เราตื่นเต้น บอกให้รู้ว่า ฤดูที่เรามาถึง จะมีสีสันงดงามกว่าทุกปี

ตม. ที่ออสโล เป็น ตม. ที่เป็นมิตรสำหรับฉันมาก ดูไม่เข้มงวดเหมือนการเข้าเยอรมันที่ผ่านบ่อยๆ รูปแบบสถานีทันสมัย และเป็นการตกแต่งแบบไม้ เหมือนอาคารสนามบินใหม่ของไทย ที่กำลังจะสร้าง

ไม่แปลกใจที่เทรนด์นี้กำลังจะมา เพราะการได้เดินทาง ผ่านได้สถาปัตยกรรมแบบไม้ ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น ลดทอนความกังวลลงทุกครั้งที่เราได้สัมผัสรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ

การเดินทางจากสนามบินออสโลเข้าสู่ตัวเมืองนั้น ง่ายด่าย ด้วยรถบัส สาย FB2 เพียงแค่ซื้อ ที่ช่องบริการกับเจ้าหน้าที่ แล้วรูดบัตร หรือจะซื้อที่เครื่องกับเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ที่หน้ารถบัสก็ได้ เดินออกไปก็เจอเลย สถานีรถบัสเลย ใกล้มาก ราคาคนละ 700 บาท เจ้าหน้าที่ผู้หญิง ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเรายกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นลงด้วย

เพียง 40 นาที เราก็มาถึงปลายทางของรถบัสที่สถานที BUS TERMINAL ซึ่งเราจองที่พักชื่อ Bj?rvika Apartments แบบอพาร์ทเมนต์คืนละ 5,800 บาท ต่อ 3 คน ไว้ เป็นที่พักใจกลางเมือง ใหม่ ใหญ่ สะอาด ไปไหนก็สะดวก

ฉันเลือกจองราคาแบบพอไม่ ไม่ถูก จนทำอะไรก็ไม่สะดวก และไม่แพง ใหญ่กว้างขวางจนเกินจำเป็น เฉลี่ยแล้ว จ่ายกันคนละ 2,000 บาท ต่อคืน ทริป 20 วัน ค่าที่พักคนละ 40,000 บาท น่าจะเป็นเรตที่เรารับได้ สบายๆ

ดีกว่าไปกดราคาแบบจ่ายคนละคืนละ พันกว่าบาท ได้ประหยัดนิดหน่อย แต่จากประสบการณ์การทำทัวร์ของฉัน บอกเลยว่า ประสบการณ์ที่ได้รับ จะแตกต่างกันมาก อย่างมีนัยยะสำคัญ

สองวันที่ออสโล เป็นทริปหนึ่งที่ฉันจะไม่ลืม ฉันคิดว่าจะเฉยๆ กับออสโล เพราะเจอ status ของเพื่อนโพสต์บ่อยๆ ก็ไม่เห็นจะมีเสน่ห์ตรงไหน

แต่เมื่อได้มาเยือน และเดิน 2 วัน วันละ 12 กม. กว่า 50,000 ก้าวแล้ว ฉันก็พบว่า นี่คือ เยอรมัน บวกสิงคโปร์ รวมความทันสมัย ตึกโมเดิร์น ความสะอาด และความเป็นระเบียบไว้อย่างกลมกลืน แบบที่เยอรมันสู้ไม่ได้ ต้องบวกบารมีแบบสิงคโปร์เข้ามาเติม

คือ ความเป็นระเบียบของตึกที่ถูกจัดวาง อย่างเป๊ะ ตัวอาคารเป็นปูนขาวหรือดำ กับกระจก รูปทรงต่างๆ ที่สะอาดเป๊ะ เงางาม บอกได้เต็มปากว่า นี่คือ เมืองที่เรียกว่า เจริญแล้วสินะ

ตัวโบสถ์ และอาคารเก่าต่างๆ ที่พอหลงเหลือยู่ เป็นจุดบอดของออสโล คือ น่าเบื่อ และธรรมดามาก

ส่วนห้างชอปปิ้งต่างๆ ที่กระจุกกันในโซน New Town นั้น แต่ละสโตร์คับแคบมาก จนเดินแล้วอึดอัด สเปซของห้างนี่ ต้องบอกว่า คนไทยรับไม่ได้

ไหนจะร้านกินขนม และคาเฟ่ต่างๆ ที่แข็ง และออกแบบแนวเป็นระเบียบ เสียจนขนมหวาน กลายเป็นงานขนมไหว้พระจันทร์ที่ดูเป็นทางการ ทำให้ภารกิจ กินเค้กท้องถิ่น OSLO RAW ของเรา ไม่สำฤทธิ์ผล

ในส่วนจุดเด่นของเมือง คือ ความดีงามของผังเมือง ที่วางไว้ดี จนอยากจะก้มกราบ สมบูรณ์กว่านี้ ก็สวรรค์แล้วล่ะ

การได้เดิน 2 วัน 24 กม. รอบเมืองจริงๆ มันทำให้สัมผัสรู้เลยว่า เขาคิดอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง ยาวนาน และนี่คือ สังคมความรู้ ที่น่ายกย่องมาก

หัวใจของออสโล คือ ตัวโอเปร่า เฮ้าส์ ที่ออกแบบไว้ริมมหาสมุทร ทรงสโลป เหมือนลานเล่นสกี ด้านในใช้ไม้ตกแต่ง มันรวมความเป็นไซไฟ กับ ธรรมชาติ ไม่อย่างตั้งใจ และทำให้เราเห็นศิลปะอย่างชัดเจน

และที่ต้องน้ำตาไหล คือ สวนสาธารณะ The Vigeland Park ที่ตกแต่งด้วยปฏิมากรรม ของ นักปั้นชาวนอร์เวย์ ที่เป็นงานยุคหลัง เล่าเรื่องราว รูปปั้นจำนวนมาก ที่ตกแต่งสวน ด้วยเรื่องราวของคนธรรมดา เรื่องของคนเป็นแม่ เรื่องของคนเป็นพ่อ เรื่องของคนเป็นเด็กจนถึงแก่ นี่คือ อนุสาวรีย์ที่ไม่ได้ยกย่องผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยกย่องความเป็นคน!

สวนสาธารณะ โบทานิก หรือพิพิธภัณฑ์เอ็ดเวิร์ด มุน เจ้าของภาพกรีดร้อง ซึ่งอยู่ติดกัน มันคือการเสพภาพ และความจริง ที่ตั้งใจวางไว้อย่างบรรจง

ส่วนของถนนชอปปิ้ง ย่านสถานีรถใหม่ ย่านชอปปิ้ง ไปจนถึงย่านคนแขก ผู้อพยพ

เมืองออสโล ทำได้ไม่มีที่ติ จนฉันต้องบอกว่า นี่คือ เมืองที่ทันสมัยในยุโรปมากที่สุดสำหรับฉัน

ภาพใน Status นี้ จะเป็นภาพที่ทำให้ท่านเห็นเรื่องราวดังที่ฉันเล่า

แต่ถ้ามีโอกาส ฉันหวังว่า จะได้รีเสิร์ซ และค้นคว้าให้มากกว่านี้ ถึงวืธีคิด และวิธีทำงานของคนนอร์เวย์ ผู้คิดค้นมือถือโนเกีย ที่เคยโดนใจฉันวันนี้ และวันนี้เมืองออสโล ก็โดนใจอย่างจังอีกครั้ง!!

Text By เนตรนภา แก้วแสงธรรม